สาเหตุเกิดจาก เชื้อไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า HPV(Human
Papilloma Virus)
ภาษาไทยเรียกกันว่า ไวรัสหูด
ไวรัสชนิดนี้ติดต่อจากการสัมผัส
ส่วนใหญ่เป็นการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้มีรอยถลอกของผิว หรือเยื่อบุ
และเชื้อไวรัสจะเข้าไปที่ปากมดลูก ทำให้ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเซลล์
จากปากมดลูกปกติกลายเป็นระยะก่อนเป็น มะเร็งปากมดลูก
นอกจากนี้แล้วการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงก็อาจทำให้โอกาสเกิดโรคได้มากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง
มะเร็งปากมดลูกได้แก่
- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
- การมีคู่นอนหลายคน หรือฝ่ายชายที่เราร่วมหลับนอนมีคู่นอนหลายคน
- การคลอดบุตรจำนวนหลายคน
- การสูบบุหรี่
- การมีภาวะคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะเป็นโรคเอดส์
- การสูบบุหรี่
- พันธุกรรม
- การขาดสารอาหารบางชนิด
- ที่อาจทำให้ผู้หญิงเป็น มะเร็งปากมดลูก
- ผู้ชายที่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
- ผู้หญิงที่มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ
- ผู้หญิงที่มีสามีเคยมีภรรยาเป็น มะเร็งปากมดลูก
- ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
อาการที่พบในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
อาการระยะแรกที่เป็นอาจไม่แสดงอาการจะพบได้จากการตรวจภายในหาความผิดปกติของปากมดลูก
อาการที่แสดงให้เห็นได้แก่ เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน มีตกขาวผิดปกติ
กลิ่นเหม็น มีเลือดปน หรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์
ถ้าเป็นมากและมะเร็งลุกลามออกไปด้านข้าง
หรือลุกลามไปที่อุ้งเชิงกรานก็จะมีอาการปวดหลังได้ เพราะไปกดทับเส้นประสาท
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
หลายๆคนคงเคยได้ยินเรื่องการรณรงค์ฉีดวัคซีนโรค
มะเร็งปากมดลูก ความจริงแล้ว ระดับการป้องกันโรค มะเร็งปากมดลูก มีหลายระดับ
โดยระดับแรกของการป้องกันคือ การฉีดวัคซีน ที่เชื่อว่าลดความเสี่ยงได้ประมาณ 70%
นอกจากนี้การป้องกันขั้นพื้นฐานด้วยการตรวจแพปสเมียร์เป็นประจำก็เป็นเรื่องสำคัญ
เด็กและหญิงสาวที่อายุต่ำกว่า 26 ปีซึ่งไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน สามารถรับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อHPV ส่วนหญิงสาวที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว
ควรคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก หรือแพปสเมียร์เสียก่อน เพราะเป็นไปได้ว่าอาจพบเชื้อ
หรือมีความผิดปกติ ซึ่งจะต้องทำการรักษาให้หายเสียก่อน
จึงจะรับการฉีดวัคซีนได้ในเวลาต่อมา ส่วนวัยที่ควรเริ่มฉีดวัคซีนชนิดนี้คือ 9
ปีขึ้นไป
และการใช้วัคซีนในผู้หญิงวัย 9-26ปี จะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด